วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปัญหารูขุมขนกว้างมีวิธีกระชับรูขุมขนให้เล็กลง

กระชับรูขุมขนให้เล็กลง

ยังไม่มีวิธีการใดที่จะช่วยทำให้รูขุมขนกว้างให้หายได้อย่างถาวรค่ะ มีแต่เพียงการช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงแต่ก็ช่วยได้มากและดูดีขึ้นได้ แต่ยังไงก็แล้วแต่ก็จะกลับมาเป็นได้อย่างเดิมหากมีการขัดถูและเช็ดหน้าอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ

วิธีกระชับรูขุมขนให้เล็กลง มีดังนี้

1. การทำ Chemical Peeling ด้วย AHA,PHA
2. การทำไอออนโต โดยใช้ยากลุ่มวิตามินเอ, Hyaluronic acid , aloe vera
3. การทาครีมที่ผสมด้วยกรดผลไม้อ่อนๆ เช่น AHA,PHA เป็นประจำ เพื่อช่วยในการผลัดผิวที่มีความหยาบกร้านให้หลุดลอกออกไปได้ง่าย จึงช่วยให้ผิวขาวเนียนใสขึ้นได้
4. การทำ rejuvenation ด้วยเครื่อง IPL (Intense Pulse Light) ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวเต่งตึงอ่อนเยาว์ ด้วยพลังงานแสงที่ปลอดภัย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น ริ้วรอยค่อยๆจางหมดไป

ที่มา http://www.panclinic.com


วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หลากวิธี ลบรอยแผลเป็น ที่ไม่พึงประสงค์

หลากวิธี ลบรอยแผลเป็น ที่ไม่พึงประสงค์


สำหรับผู้หญิงเราคงไม่มีใครชอบให้มีรอยต่างๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้า รอยหมองคล้ำ ยิ่งรอยแผลเป็นแล้วละก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดแน่นอน แต่ถ้าเป็นไปแล้วและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ยังพอมีวิธีลดรอยแผลเป็นนั้นหรือกำจัดออกไปได้ ซึ่งมีด้วยกันอยู่หลายวิธีและก็มีกรรมวิธีที่แตกต่างกันไป


แผลเป็นคืออะไร เป็นผลจากการซ่อมแซมบาดแผลตามธรรมชาติของร่างการที่เกิดจากอุบัติเหตุ การอักเสบเป็นเวลานานๆ การเกิดโรค หรือการผ่าตัด บาดแผลเหล่านี้เป็นการซ่อมแซมที่มากเกินไปหรือใช้เวลานานเกินไป ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของบาดแผล ตำแหน่ง เป็นต้น โดยทั่วไปจะมีลักษณะผิวหนังหนาขึ้น สีแดง บางครั้งสีก็จางลง


การหายของแผลและการฟอร์มตัวของแผลเป็นขึ้นอยู่กับ อายุของผู้ป่วย ตำแหน่ง และขนาดของบาดแผล ถ้าอายุยังน้อยการซ่อมแซมแผลมักจะดำเนินไปได้เร็วกว่าคนสูงอายุ และถ้าแผลมีขนาดเล็กย่อมหายเร็วกว่าแผลที่มีขนาดใหญ่ ถ้าแผลเกิดบริเวณที่ข้อต่อ เช่น ข้อศอกหรือบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวหรือเสียดสีตลอดเวลา ย่อมมีโอกาสเป็นแผลเป็นได้ง่ายกว่า และตำแหน่งอื่นๆที่เป็นแผลเป็นง่ายได้แก่ ผิวบริเวณคางและกลางหน้าอก เป็นต้น


เราจะต้องทำอย่างไรบ้างเมื่อเกิดแผลเป็น?? นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะหาวิธีรักษาแผลเป็นให้หายขาดมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบวิธีใดที่รักษาให้หายขาดได้ แต่ก็พบว่ามีหลายวิธีที่อย่างน้อยก็สามารถทำให้รูปร่างของแผลเป็นเปลี่ยนรูปร่างไปในทางที่ดีขึ้นได้ เช่นขนาดเล็กลงจากแผลที่ขรุขระก็ดูเรียบเนียนมากขึ้น แต่ก็ไช่ว่าจะทำได้ทุกกรณี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย และควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนว่าคุ้มหรือไม่ที่จะทำ


การรักษาแผลเป็น


Surgical Scar Revision


ก็คือการตัดแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลงโดยการผ่าตัด แต่วิธีนี้จะเหมาะในกรณีที่แผลเป็นมีขนาดใหญ่และยาวมากและเมื่อตัดออกแล้วจะทำให้มีขนาดเล็กและบางลง ส่วนผลที่ได้จะดีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน


Dermabration


ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีของแผลเป็นจากสิว, สุกใส, หรือ หลังการผ่าตัด หรือกรณีที่แผลเป็นผิวที่ไม่เรียบแต่หลุมไม่ลึกมาก โดยใช้เครื่องกรอไฟฟ้า จะมีรอยแผลหลังทำบางๆ และจะตกสะเก็ดแล้วหลุดออกไปภายในเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ วิธีนี้ถ้าแผลตื้นมากๆ อาจจะพบว่าผิวเรียบขึ้นเกิน 80 เปอร์เซ็นต์


Laser Resurfacing and Pulsed Dye


- Laser Scar Revision เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวที่เป็นรอยนูนหรือรอยบุ๋ม ผิวขรุขระหรือไม่เรียบ และแผลเป็นที่เกิดจากสุกใส โดยใช้เลเซอร์ที่ใช้กรอผิว โดยแพทย์สามารถ set พลังงานให้สูงหรือต่ำหรือจะกรอให้ลึกหรือตื้นก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแพทย์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน หนึ่งสัปดาห์ แต่อาจจะมีรอยแดงๆ หรือชมพูหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย แต่อาจจะต้องทำหลายรอบ และต่อเนื่องทุก 2 เดือน และพบว่าหลังการทำเลเซอร์แล้วผู้ป่วยมีอาการคัน หรือปวดแผลเป็นลดลงด้วย


- Soft Tissue Fillers(collagen injections or fat transfer) การใช้สารที่เรียกว่าคอลลาเจน(collagen) ฉีดเข้าไปบริเวณที่เป็นแผลเป็นหลุม เช่นแผลเป็นจากสิวเป็นต้น แต่ผู้ป่วยควรจะต้องทำการทดสอบก่อนว่าแพ้สารตัวนี้หรือไม่โดยการฉีดสารปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณท้องแขน ผู้ป่วยที่มีประวัติ โรคภูมิแพ้ (autoimmune) ไม่ควรใช้สารนี้ หลังการฉีดพบว่าแผลตื้นขึ้นทันทีแต่อยู่ไม่ถาวร จะต้องฉีดซ้ำทุก3-6เดือน แพทย์บางท่านใช้เทคนิค ใช้ไขมันจากตัวผู้ป่วยเองเพื่อป้องกันการปฏิเสธของเนื้อเยื่อ แต่จะต้องมีการศึกษามากกว่านี้ และคิดว่าในอนาคตเราอาจจะมีสารที่สามารถใช้ฉีดแบบถาวรซึ่งจะต้องศึกษากันต่อไป


- Punch Grafts and Punch Excixions เหมาะกับแผลเป็นที่เป็นหลุมลึกแต่แคบ โดยการใช้เทคนิคนำผิวหนังที่ปกติจากส่วนอื่นมาเย็บแปะบริเวณที่เป็นหลุม ซึ่จะต้องมีการเย็บและกลับมาตัดไหมหรือจะใช้ผิวหนังบริเวณที่เป็นแผลให้ยกตัวขึ้นก็ได้ ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องเย็บหรือตัดไหม ซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติกว่า


Chemical Peels


เหมาะกับแผลเป็นตื้นมากๆ วิธีนี้อาศัยหลักการที่ว่าใช้สารเคมีไปขจัดผิวหนังชั้นบนออก ซึ่งการขจัดเซลล์ผิวหนังชั้นบนจะขจัดลึกมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และชนิดของสาร chemical peel นั้นๆ ถ้าตื้นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการซ่อมแซมแผล แต่ถ้าใช้ชนิดลึกจะต้องรอให้มีการซ่อมแซมหรือรักษาแผลอาจจะถึง 2 อาทิตย์ได้ จะใช้สารแบบใดก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและประสบการณ์ของแพทย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ เพราะเท่าที่ทราบในเมืองไทย หมอพบว่ามีการใช้สาร chemical peel ลักษณะเดียวกันนี้มากมายตามร้านเสริมสวยทั่วไป ถ้าไม่เกิดอันตรายใดๆ ต่อใบหน้าเราก็ถือว่าโชคดีไป ขนาดทำโดยแพทย์ถ้าผิวไม่พร้อมจริงๆ ก็ยังมีโอกาสพลาดได้เช่นกัน เพราะการทำง่ายมาก ใช้ก้านสำลีจุ่มสารแล้วนำมาทาบริเวณผิวหน้าเริ่มจากหน้าผากแล้วก็ตามด้วยบริเวณแก้ม เหมือนจะง่ายนะคะ แต่ทุกอย่างมีผลข้างเคียงได้เสมอ แต่ก็เป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงอะไร แผลสามารถหายได้เป็นปกติ100%







Other Scar Treatment Methods


- Pressure bandages and massages เป็นการใช้แรงกดให้แผลมีขนาดแบนลง มักจะแนะนำให้ใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น และต้องทำต่อเนื่องหลายเดือน


- Silicone-containing gels, creams, and bandages เชื่อว่าช่วยลดความแข็งของแผลเป็นได้ แต่แนะนำให้ใช้รักษาควบคู่กับวิธีอื่น


- Cryosurgery เป็นการใช้เครื่องทำความเย็นจี้บริเวณแผลเป็นให้เกิดภาวะถุงน้ำและเกิดการแตกสลายไปในเวลาต่อมา เทคนิคนี้พบว่ามีการลดขนาดของแผลเป็นลงได้บ้าง แต่แนะนำให้ใช้กับภาวะแผลเป็นนูน


- Cortisone (steroid) injections เป็นการใช้สาร steroid ปริมาณหนึ่งฉีดเข้าไปบริเวณแผล ทำให้แผลมีขนาดยุบลงเร็วมาก และก็เป็นวิธีที่ง่ายได้ผลเร็ว ราคาประหยัด แต่ก็ไม่ถาวรต้องมาฉีดซ้ำถ้ามีการนูนขึ้นมาใหม่ และถ้าฉีดซ้ำบ่อยๆก็อาจจะเกิดผิวบางบริเวณที่ฉีดทำให้มองเห็นเส้นเลือดฝอยได้


- Silicone impregnated gels เป็นการใช้สารที่เป็นแผ่น silicone เจลนำมาแปะบริเวณที่เป็นแผลเป็นอย่างต่อเนื่อง แต่แนะนำให้ใช้รักษาร่วมกับวิธีอื่นเช่นกัน จากการศึกษาวิจัยพบว่าสามารถลดขนาดได้เล็กน้อย แต่ถ้าเป็นแผลขนาดใหญ่ก็อาจะทำให้นิ่มลงได้ ข้อดีคือผู้ป่วยสามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่จากประสบการณ์ของหมอเองพบว่าแผลเป็นที่เกิดใหม่ๆ มักจะได้ผลดีกว่านะคะ


- Interferon เป็นการใช้สารเคมีฉีดเข้าไปบริเวณแผลเป็นที่มีขนาดกว้างและแข็ง ช่วยลดขนาดและให้นิ่มขึ้นได้


- Intense pulse light เป็นเทคนิคใหม่ซึ่งหมอเคยเล่าให้ฟังแล้วเมื่อฉบับก่อนๆ โดยเชื่อว่าพลังงานของแสงระดับหนึ่งสามารถทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดเกิดการเรียงตัวได้ใหม่อย่างเป็นระเบียบ และเป็นผลให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลงได้ แต่จะต้องทำการรักษาเป็นเวลานานและต่อเนื่อง ขนาดอาจลดลงและนิ่มขึ้นได้ระดับหนึ่ง ซึ่งจะต้องรอการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเครื่องมือต่อไป เพราะถ้าเป็นไปตามสมมุติฐานที่ว่าจริงแผลเป็นก็สามารถหายขาดได้ แนะนำให้ใช้วิธีนี้ควบคู่กับการรักษาวิธีอื่นๆ เพื่อผลการรักษาที่เร็วขึ้น


การรักษาแผลเป็นยังไม่มีวิธีใดรักษาได้หายขาด แต่สามารถทุเลาลงได้ และเปลี่ยนรูปร่างให้มีขนาดเล็กและสวยงามขึ้นได้ แต่ไม่ถาวร ยังคงต้องรอให้มีการศึกษาเพิ่มเติมกันต่อไป การรักษาสามารถใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลที่ดีและรวดเร็วที่สุดก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนรักษาก็จะดีนะคะ


ด้วยความปรารถนาดีจาก www.panclinic.com

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไม่ต้องกังวลกับปัญหาหน้าหมองคล้ำอีกต่อไป...เรานำเคล็ดลับดีๆมาฝาก

เคล็ดลับป้องกันหน้าหมองคล้ำ

1. เลือกคลีนเซอร์ ล้างหน้าให้เหมาะกับผิว เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ที่ใบหน้าให้สะอาดหมดจด ล้างอย่างเบามือไม่ขัดถูหน้า ทำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น แล้วซับหน้าเบาๆ ในระหว่างวันถ้าหน้ามันให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอย่างเดียวก็พอค่ะ

2. บำรุงผิวด้วยโลชั่น ที่สามารถซึบซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวที่สูญเสียไประหว่างล้างหน้า

3. ใช้ครีม ที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลัดผิวเก่าและเผยผิวใหม่เพื่อผิวหน้าแลดูสดใส ไม่หมองคล้ำ

4. หลีกเลี่ยง การโดนแดดแรงหรือการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้หน้าหมองคล้ำ ดูไม่สว่างใส ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดทุกครั้งก่อนแต่งหน้าเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดตลอดวัน

5. ก่อนนอน ควรลูบไล้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้คงความชุ่มชื่นอยู่เสมอ

เมื่อคุณปฏิบัติตามขั้นตอนง่ายๆ นี้แล้ว คุณจะพบถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าที่มีสภาพผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนใครๆ ต้องทักว่า “สวยขึ้น” ผิวดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน

ที่มา www.panclinic.com


วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เซลลูไลท์เป็นปัญหาที่ทำให้คุณผู้หญิงหลายคนกังวลและหาทางที่จะกำจัด

วิธีกำจัดเซลลูไลท์
ปัญหาสภาพผิวเป็นคลื่นลอนคล้ายเปลือกส้ม บริเวณ ต้นขา ต้นแขน รอบเข่า สะโพก ที่ขจัดได้ยาก แม้จะลดน้ำหนักอย่างไรก็ไม่เป็นผล ดังนั้นจึงมักพบเห็นสุภาพ สตรีเป็นจำนวนมากที่ไม่มีปัญหาด้านน้ำหนัก หากแต่ผิวกายขาดความกระชับเต่งตึง





สาเหตุการเกิดเซลลูไลท์นั้น นอกเหนือจากการขาดการออกกำลังกาย ภาวะโภชนาการที่ ขาดคุณค่า ดื่มน้ำน้อย การรับประทานยาคุมกำเนิด และสาเหตุของวัยที่ก่อให้เกิดการรวมตัว ของกรดไขมันอิ่มตัวจากอาหารที่รับประทานเข้าไป และน้ำตาลก่อตัวสะสมเป็นเซลล์ไขมันส่วน เกิน เซลล์ไขมันสะสมดังกล่าวนี้จะแปรสภาพเป็นเซลลูไลต์ได้ เซลล์ไขมันส่วนเกิน รวมตัวกันและแปรสภาพเป็นวุ้นที่มีความเหนียว ยืดหยุ่นตัวมากกว่า ไขมันปกติซึ่งจะแทรกตัวเบียดอยู่ระหว่างช่องว่างของเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวด้านบนแลดูเป็นคลื่น ลอนคล้ายเปลือกส้ม และกดทับเส้นประสาทต่างๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือเป็นจ้ำง่าย เมื่อกดผิว

การแก้ไขปัญหา จะต้องกระทำควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง ซึ่งในปัจจุบัน พบว่าคุณค่าของเปลือกถั่วเหลืองที่ทำงานกับน้ำมันสกัดจากโรสแมรี่และลาเวนเดอร์ ในการนำพาส่วน ผสมเข้าบำรุงลึกถึงชั้นใน นอกจากนี้คุณค่าของชาเขียว เรดไวน์ ก็ช่วยในการปรับสภาพผิวเรียบ และน้ำมันสกัดจากจมูกข้าว ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มนวล อย่างไรก็ตาม หากคิดจะขจัดเซลลูไลท์ให้ ได้ผลดียิ่งขึ้นควรหมั่นออกกำลังกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมดื่มน้ำให้ มากๆ หรือพบแพทย์ที่คลินกหากต้องการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยวิธีทางการแพทย์เพื่อให้เกิดประโยชน์ รวดเร็ว และปลอดภัยค่ะ


ที่มา www.panclinic.com

Panclinic Club's Fan Box

Panclinic Club on Facebook