วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผิว ‘แก่’ ง่ายแก้ไขไม่ยาก



 

สภาพผิวของคนเรานั้นมีหลายแบบ โดยแต่ละแบบก็มีวิธีดูแลแตกต่างกันไป เพื่อที่จะสามารถบำรุงส่วนที่ขาด เสริมส่วนที่มีอยู่ และกำจัดส่วนเกินออกไปได้อย่างเหมาะสม ส่วนสภาพผิวเจ้าปัญหาสำหรับสาวๆ เห็นจะหนีไม่พ้นสภาพ “ผิวแห้ง” โดยเฉพาะบริเวณ ข้อศอก หัวเข่า ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ทำให้เราขาดความมั่นใจเท่านั้น แต่สภาพผิวแห้งนี่แหละที่เป็นตัวการที่ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบผื่นคันได้ง่าย แถมยังแก่เร็วอีกด้วย แบบนี้สาวๆ คงไม่ชอบกันแน่นอน งั้นเราลองมาเรียนรู้วิธีบำรุงดูแลผิวอย่างถูกต้องกันตอนนี้ดีกว่า...เพราะถึงจะมีผิวแห้งแตกลายแค่ไหน แต่ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่องเหมาะสม คุณก็สามารถมีผิวสวยเหมือนคนอื่นได้แน่นอน

ล้างหน้าให้สะอาด แต่อย่าทำให้ผิวแห้งขึ้น
คนผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวและไม่ทำให้ผิวแห้งตึง โดยควรเลือกใช้เจลใส สบู่ไร้ฟอง สบู่ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะถ้าไม่เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในแบบดังกล่าวหลังล้างหน้าจะรู้สึกได้ว่าหน้าตึง แห้งลอกเป็นขุย ทำให้มีปัญหาของริ้วรอยได้ง่ายอีกด้วยค่ะ และในการล้างหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งคือ อย่าไปขัดถูแรงๆ หรือ ทำให้เกิดการรบกวนกับผิวหน้าให้มาก เพราะยิ่งคุณสัมผัสผิวรุนแรงมากเท่าไหร่ผิวคุณก็อักเสบได้ง่ายมากเท่านั้น

โทนเนอร์ไม่เหมาะกับสาวผิวแห้ง
หลังล้างหน้าสาวๆ ผิวแห้งควรข้ามขั้นตอนก็เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ไปเลยค่ะ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น คุณควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นที่จำเป็นสำหรับผิวก็เพียงพอ โดยทาทุกครั้งที่ล้างหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV

พยายามใช้เครื่องสำอางแบบเนื้อครีมก่อนแต่งหน้าทุกครั้งสาวผิวแห้งอย่าลืมทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นก่อนขั้นตอนลงรองพื้น เพื่อช่วยลดการลอกขุยบนใบหน้า และทำให้เกลี่ยรองพื้นได้เนียนขึ้น เครื่องสำอางแบบเนื้อครีมจะเหมาะกับสาวผิวแห้งมากกว่าสาวผิวมัน เช่น อายแชโดว์ชนิดครีม บลัชออนชนิดครีมเพราะเครื่องสำอางชนิดนี้มีส่วนผสมของน้ำมันผสมอยู่ ทำให้ติดทนนานขึ้นโดยการทาบลัชออนแบบให้สวย ต้องใช้ปลายนิ้วลูบบลัชออนชนิดครีมเป็นวงกลม โดยเริ่มจากจุดสูงสุดของโหนกแก้มแล้วเกลี่ยขึ้นไปทางขมับ แต่การใช้บลัชออนชนิดนี้ไม่ควรทาแป้งหนาเกินไปเพราะจะเกลี่ยให้เนียนยาก ถึงอย่างไรก็ตามสาวๆ ผิวแห้งก็มีข้อดีเหมือนกัน เนื่องจากมีรูขุมขนที่กระชับไม่มีไขมันบนใบหน้าหน้าไม่มัน เวลาแต่งหน้าเครื่องสำอางจึงติดทนไม่เยิ้มเหมือนคนผิวมัน


ใช้เวลาอาบน้ำให้น้อยที่สุด
จริงๆ แล้วยิ่งเราอาบน้ำบ่อยเท่าไหร่ยิ่งจะช่วยชำระล้างไขมันและสิ่งสกปรกออกจากผิวไปมากเท่านั้น แต่สำหรับสาวผิวแห้งแล้วขั้นตอนการอาบน้ำก็ต้องระมัดระวังไม่แพ้กัน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และไม่ควรอาบน้ำเกิน 2 ครั้งต่อวัน นอกเสียจากในวันที่อากาศร้อนมีเหงื่อออกเยอะอาจจะอาบเพิ่มได้ และควรเลือกฟอกสบู่เฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันสูง เช่น แผ่นหลัง หน้าอก และใช้เวลาในอาบน้ำให้น้อยที่สุด สบู่ที่ใช้ควรเป็นสบู่อ่อน และมีสารเพิ่มความชุ่มชื่น หลังอาบน้ำเสร็จแล้วอย่าลืมทาครีมบำรุงผิวทุกครั้ง โดยเฉพาะตามแขนขา ข้อศอก หัวเข่า ซึ่งจะเป็นบริเวณที่แห้งพิเศษ เพราะมีต่อมไขมันค่อนข้างน้อย


น้ำมันออยล์อาวุธประจำกาย

การบำรุงผิวด้วยน้ำมันออยล์เรียกว่าเหมาะสำหรับสาวผิวแห้งโดยเฉพาะ หลังอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวให้หมาด ขั้นตอนต่อไปคือทาน้ำมันออยล์และตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คุณชอบอีกรอบ ซึ่งออยล์ที่คุณเลือกควรมีคุณสมบัติที่ซึบซาบเข้าผิวง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาได้ทั้งหน้าและลำตัว ถ้ามีเวลาว่างสามารถใช้ออยล์ร่วมกับการนวดผิวก็ได้ค่ะ เป็นการทำสปาง่ายๆ ที่บ้านโดยใช้ออยล์นวดแทนน้ำมันอโรมา หรือใช้นวดร่วมกับสมุนไพร เช่น ขมิ้น หรือ มะขามเปียก เป็นต้น วิธีการนี้นอกจากจะช่วยให้ผิวรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังเป็นการฟื้นฟูสุขภาพผิวของคุณที่ถูกทำลายจากมลพิษได้อีกด้วย
อย่าลืมผิวรอบดวงตาเมื่อคุณเป็นสาวผิวแห้งก็จงอย่าลืมว่าผิวคุณมักเกิดริ้วรอยง่ายกว่าผิวคนอื่น โดยเฉพาะที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือริ้วรอยรอบดวงตา และยิ่งถ้าคนผิวแห้งแล้วไม่ดูแล เมื่อคราวถึงวัย 20 ต้นๆ ตีนกาก็มาเยือนแล้ว ดังนั้นคุณควรบำรุงผิวผิวรอบดวงตาให้มากเป็นพิเศษ โดยการใช้ครีมรอบดวงตาในทุกๆวันโดยเฉพาะในเวลากลางคืน และควรรับประอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวร่วมด้วย เช่น ถั่ว กระเทียม แครอท ผลไม้ ไข่ และนม ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8 แก้ว และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ



ที่มา :
www.panclinic.com

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กินให้ผิวสวยพร้อมหุ่นเซี๊ยะ

 






สาวๆ คนไหนอยากผิวดีและหุ่นสวย ยกมือขึ้น ! นั่นแน่...แอบยกมือกันแทบจะทุกคนเลยใช่มั้ยค่ะ ก็แน่นอนล่ะเพราะไม่ว่าใครสมัยนี้ก็ชอบที่จะมีผิวสวยใส และถ้าแถมมาด้วยความขาวและหุ่นดีด้วยแล้วนะสมบูรณ์แบบค่ะ จริงๆ แล้วผู้หญิงดูเหมือนจะเป็นเพศที่ไม่ยอมแพ้ใคร แต่ว่าจะสมัยนี้ก็พูดกันยากค่ะ เพราะเรื่องความขาวความคล้ำเนี่ยเป็นมาตั้งแต่ผู้ชายถึงผู้หญิงเสียแล้ว เอาเป็นว่าจะขาวหรือจะคล้ำก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนไม่ว่ากัน แต่ไหนๆ พูดเรื่องความขาวมาซะยาวถ้าไม่เล่าต่อเห็นจะไม่ได้แล้ว วันนี้จึงขอมานำเสนอเหล่าสารพัดของกินที่ทั้งอร่อย ประหยัด หารับประทานได้ง่าย และที่สำคัญคือ ไม่อ้วน และช่วยทำให้ผิวของคุณขาวใสสุขภาพดีมาจากข้างใน จนต้องกดไลท์ให้กับผิวตัวเองเลยล่ะ


จริงๆ แล้ววิธีที่จะทำให้เรามีผิวสวยได้นั้นมีอยู่อย่างหลากหลายค่ะแค่คนเราไม่รู้เป็นอะไรมักมองข้ามเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวไปเสียหมด เรื่องง่ายๆนั่นก็คือ การดื่มน้ำสะอาด ให้ได้วันละ 8-10 แก้ว คุณลองถามตัวเองก่อนค่ะว่า วันนี้ดื่มน้ำกันกี่แก้วแล้ว? ถ้ายังไม่ถึง 8 ล่ะก็ รีบไปหาน้ำมาดื่มตอนนี้ก็ยังทันเพราะนำสะอาดไม่ว่าจะดื่่มตอนไหนก็ไม่มี โทษมีแต่ประโยชน์ล้วนๆแถมน้ำนี่แหละจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ภายในร่างกายได้ดีนักแล ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ที่อยู่ภายในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อเซลล์ในร่างกายทำงานและสื่อสารกันได้ดีแล้ว สารตกค้างในร่างกายก็จะลดน้อยลง ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมากขึ้นค่ะ
นอกจากนี้การรับประทานไข่ที่ทั้งราคาถูกและหาทานง่ายพอๆ กับน้ำเปล่านี่เองที่จะช่วยให้ผิวคุณสวย เชื่อว่าเกือบจะทุกบ้านมีไข่ในตู้เย็นแน่นอน และไข่ใบกลมๆ นี้มีประโยชน์มากกว่าให้โปรตีนอีกนะคะเพราะในไข่มีคอลลาเจนในปริมาณพอเหมาะที่พอดี และตัวคอลลาเจนนี้เป็นโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ โดยจะมีหน้าที่ช่วยเสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนังด้วย ดังนั้นหมายความว่ายิ่งมีคอลลาเจนในร่างกายเยอะเท่าไหร่ ผิวก็จะดูเรียบเนียนใสเหมือนผิวเด็กมากเท่านั้น แม้ว่าคอลลาเจนในไข่จะส่งผลต่อผิวพรรณโดยตรง แต่เรื่องจริงที่ควรรู้ควบคู่กันไปก็คือ ในไข่มีคลอเรสเตอรอลในปริมาณสูงยิ่งทานเยอะก็จะทำให้คลอเรสเตอรอลในร่างกายสูงตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงควรเลือกรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป

ตอนนี้...สาวๆ หลายคนเริ่มคิดเมนูไข่ สำหรับอาหารมื้อต่อไปแล้ว
ใช่มั้ยเอ่ย?

สิ่งต่อมาที่อยากแนะนำให้รับประทานกันก็คือเนื้อปลา อันนี้เราขอแนะนำความอร่อยแบบจัดหนักได้ตามสบายเลยค่ะ เพราะเนื้อปลายิ่งกินยิ่งดีแถมกินแล้วไม่อ้วน และยังช่วยชะลอความแก่ได้นะขอบอกเนื่องจากในเนื้อปลาอุดมไปด้วยเซเลเนียม ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระชะลอความชรา และความเสื่อมของร่างกาย ทั้งยังให้โปรตีนเพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรมได้อีกด้วย

ส่วนใครที่อยากมีผิวอ่อนก่อนวัย การรับประทานน้ำมันมะกอกจะช่วยได้มากค่ะ เพราะน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากพืช แม้จะมีแคลอรี่สูงไปนิด แต่ข้อดีของมันก็คือมีกรดไขมันจำเป็น ซึ่งเป็นไขมันชั้นดีที่ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกประกอบด้วยวิตามิน A และวิตามิน E ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวดูชุ่มชื่นเปล่งปลั่ง เนียนนุ่มน่าสัมผัสอ่อนกว่าวัยเหมือนผิวสาวๆ นั่นเอง

อีกหนึ่งอย่างที่เปี่ยมไปด้วยมีวิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการแถมยังเอื้อประโยชน์ต่อผิวพรรณเราสุดๆ และเชื่อว่าคนรักสุขภาพอย่างคุณคงจะชื่นชอบ และสรรหามารับประทานเป็นประจำอยู่แล้ว นั่นก็คือ ผลไม้ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ามีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่รับประทานแล้วช่วยทำให้ผิวเราขาวใสได้บ้าง ซึ่งปกติผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน จะมีแคลเซียมโปแทสเซียม วิตามิน A และวิตามิน C ในปริมาณที่สูงเป็นพิเศษเป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสอ่อนเยาว์ตลอดเวลาผลไม้ประเภทดังกล่าวได้แก่ ส้ม ฝรั่ง มะนาว กีวี มะเขือเทศ เป็นต้นและนอกจากผลไม้รสเปรี้ยวแล้ว ผลไม้ที่มีรสหวานก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันโดยเฉพาะ กล้วย ถือเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่หารับประทานได้ง่ายในบ้านเรา และไม่ว่าคุณจะชอบกล้วยพันธุ์อะไรก็ตามเค้าวิจัยมาแล้วว่ากล้วยไข่เป็นกล้วยที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ เบต้าแคโรทีน (Betacarotene)มากกว่ากล้วยชนิดอื่นๆ ใครที่ชอบรับประทานกล้วยไข่ ก็จะเป็นคนที่ผิวพรรณดี ชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล
ผลไม้อีกอีกหนึ่งชนิดที่อย่างที่อยากให้ทุกคนรับประทานคือ องุ่น เพราะนอกจากจะหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วองุ่นยังมีประโยชน์มากมายเนื่องจากอุดมไปด้วยมีวิตามิน และสารอาหารโดยเฉพาะที่เปลือกและเมล็ด โดยจะเห็นได้จากการนิยมทำเป็นสารสกัดเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมต่างๆ ปกติแล้วในเมล็ดองุ่น 1 เม็ดมีสาร “โอพีซี” (Oligomeric Proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูล-อิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามิน Eถึง 50 เท่า องุ่นจึงช่วยให้เรามีผิวสวยใสไร้จุดด่างดำ ทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งโรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับประสาทตาอีกด้วย

นอกจากเรื่องผิวที่ต้องขาวสุขภาพดีแล้ว การที่เรามีหุ่นสมส่วน เพรียวกระชับ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยส่งเสริมบุคลิกที่ดี ดังนั้นก่อนจะตักอาหารแต่ละคำเข้าก็ปาก ก็ควรคิดอย่างมีสติก่อนว่าอาหารจานนั้นมีประโยชน์หรือให้โทษ “อ้วน” กันแน่ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายก็ยิ่งลดน้อยลง ทำให้เราอ้วนได้ง่ายแม้จะรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมก็ตาม สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากอ้วนจึงจำเป็นต้องลดอาหารที่ย่อยยาก และลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทให้น้อยลง แล้วหันมารับประทานอาหารที่ทดแทนกันได้ เช่น ถั่วเหลือง ซึ่งเป็นอาหารที่มีประโยชน์ช่วยให้อิ่มท้อง ปราศจากคอเลสเตอรอล และเหมาะกับสุภาพสตรีโดยเฉพาะในภาวะหมดประจำเดือน เพราะถั่วเหลืองจะช่วยบรรเทาอาการข้างเคียงจากภาวะหมดประจำเดือนได้ แถมยังช่วยเรื่องผิวพรรณให้ชุ่มชื้นอีกด้วย ทั้งนี้ถั่วเหลืองสามารถแปรรูปเป็นอาหารได้หลายชนิดทั้งควาและหวาน สาวๆจะรับประทานแบบไหนคงต้องเลือกกันตามความชอบ เช่น ถั่วเหลืองต้ม น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ก้อน เป็นต้น



เป็นยังไงบ้างค่ะสำหรับอาหารเพื่อผิวสวยและหุ่นเฟิร์ม...ถูกใจกันบ้างหรือเปล่าว? เห็นมั้ยค่ะว่าแค่เราเริ่มดูแลสุขภาพจากสิ่งใกล้ตัวก็สามารถสวยได้ด้วยธรรมชาติ แถมยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย และเมื่อเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงบรรดาอาหารที่จ้องจะทำร้ายผิวของคุณด้วย โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นตัวการทำลายความชุ่มชื้นของผิวดังนั้นปาร์ตี้ได้แต่โนแอลกอฮอล์จะดีที่สุดนะคะสาวๆ

ขอขอบคุณ นิตยาสารเพื่อนแพนฉบับที่ Vol.29 No.187 ISSUE 4/2555
Food & Nutrition : 8B - 10B
 

ที่มา : www.panclinic.com

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ร้อนแค่ไหนก็ดูดีได้


อากาศก็ร้อน แดดก็แรง หน้าร้อนแบบนี้สุขภาพผิวแย่แน่ๆถ้าไม่ดูแล แต่ถ้าไม่อยากให้ผิวสวยกลายเป็นผิวเสียละก็ มีเคล็ดลับมาฝากกัน

       1. ป้องกันแดด ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเสียไม่ขาวกระจ่างใส หมองคล้ำ นั้นก็คือแสงแดด ไม่ว่าจะแดดน้อยแดดมาก ยิ่งในช่วงนี้ฤดูร้อนอย่างนี้แดดแรงก็ยิ่งต้องดูแล หากต้องเผชิญกับแดดวิธีง่ายๆก็คือ การป้องกันแสงแดด เช่น ทาครีมกันแดด สวมหมวก กางร่ม เวลาที่ต้องออกแดด

       2. สวยจากภายในสู่ภายนอก ดื่มน้ำให้มากๆ และเพิ่มวิตามินซีในร่างกาย เพราะวิตามินซีจะช่วยในการสร้างเซลล์ผิวและเนื้อเยื้อ ให้เซลล์ผิวแข็งแรง ทนต่อมลภาวะนอกจากนี้ การรับประทานผักผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ๆ อย่าง แตงกวา แตงโม หรืออื่น ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย

       3. เลือกครีมบำรุง จริงอยู่ที่ว่าในหน้าร้อนนี้ทำให้หลายคนไม่อยากทาครีมเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการเหนียวเหนอะ แนะนำให้เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นที่เหมาะกับหน้าร้อน อาจเลือกที่ชนิดเนื้อเซรั่ม บางเบา และซึมซาบเร็ว และทาทันทีหลังอาบน้ำน่าจะช่วยได้ เพื่อผิวที่สวยใสตลอดช่วงหน้าร้อน

       4. เมคอัพเบาเบา อากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนนี้ไหนจะเหงื่อ ไหนจะหน้ามัน ย่อมทำให้สาว ๆ รู้สึกหงุดหงิด อากาศร้อนแบบนี้ควรเลือกเครื่องสำอางเนื้อครีมแทนแบบฝุ่นจะดีกว่าเพราะจะช่วยให้ไม่เป็นคราบ และซีดได้ง่ายเวลาเหงื่อออก และอย่าใช้รองพื้นที่หนาเกินไป เพราะเมื่อต้องเผชิญแสงแดดหน้าจะมันเยิ้มอาจจะได้สิวมาเป็นของแถมเนื่องจากเกิดการอุดตัน และที่สำคัญอย่าลืมพกกระดาษซับมันติดตัวไว้ด้วยก็จะดีมันก็ซับ

        5. กลิ่นหอมเพิ่มเสน่ห์ หน้าร้อนอย่างนี้บางคนจะมีเหงื่อออกเยอะทำให้บางครั้งอาจจะส่งกลิ่นรบกวนคนข้างๆได้ วิธีง่ายๆคือดูแลตัวเองให้สะอาด เพื่อมิให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลจนเกิดกลิ่นนอกจากนี้อย่าลืมเติมเต็มความสดชื่นด้วยการฉีดน้ำหอมเวลาใครอยู่ใกล้แล้วจะได้หอมๆมัดใจคนรอบข้าง


ดังนั้นการใส่ใจเรื่องผิวหนังกับแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องคำนึงถึงเมื่อทราบวิธีดูแลผิวกันแล้ว ก็พร้อมลุยกับแสงแดดในฤดูร้อนได้


ที่มา : www.panclinic.com

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หมดปัญหากังวลใจเรื่องกลิ่นเท้า




กลิ่นเท้า ปัญหาอันดับแรกที่ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมักเป็นกังวลใจเลยทำให้หลายๆท่านขาดความมั่นใจ วิธีง่ายๆ ดับกลิ่นเท้ามาฝากให้ทุกคนได้หายกังวลใจ

- ล้างเท้าให้สะอาด
ควรล้างอย่างพิถีพิถัน ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดโดยเฉพาะ หรือนำถุงน้ำชาที่ชงแล้วสัก 4-5 ถุงมาแช่ใส่อ่างผสมน้ำอุ่นนำเท้าแช่ลงไปประมาณ 5 นาที ทำอย่างนี้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เท้าจะไม่มีกลิ่น เพราะถุงชาจะเปลี่ยนความเป็นกรดด่างและหยุดยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

- ปลดปล่อยเท้า ไม่ควรใส่รองเท้าที่คับจนเกินไปเพื่อให้เท้าได้หายใจ ระบายเหงื่อและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างปลอดโปร่ง ส่วนถุงเท้าควรเป็นผ้าฝ้ายจะได้ถ่ายเทอากาศได้ดีและควรถอดรองเท้าและถุงเท้าออก หัดเดินเท้าเปล่าบ้าง

- สวมรองเท้าคู่อื่นบ้าง ใช้รองเท้าสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ความสะอาดรองเท้า ถ้ารองเท้าอับชื้น นำไปผึ่งแดด เพื่อให้รองเท้ามีโอกาสแห้ง เก็บรองเท้าที่ไม่ใช้ไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้ดีและเมื่อสวมใส่ควรเช็ดเท้าให้แห้งก่อนหรือฉีดสเปรย์ระงับกลิ่น

- พยายามทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ โดยอาจใช้แป้งฝุ่นฆ่าเชื้อโรยที่เท้า นอกจากนั้นก็อาจใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อราชนิดทาก็ได้

ไม่ยากเลยใช่ไหมละ แค่นี้เราก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้แล้ว อย่าลืมไปลองทำกันดูรับลองกลิ่นเท้าก็จะค่อยๆ หายไปเอง

ที่มา : www.panclinic.com

Panclinic Club's Fan Box

Panclinic Club on Facebook