วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ON SLEEP AND BEAUTY หลับอย่างไรให้ผิวสวย...

การพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกายคือการนอนหลับ มีหลากหลายสาเหตุผลที่ทำให้คนเรานอนไม่เต็มที่ นอนดึก นอนไม่เป็นเวลา อาจมีสาเหตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มอ่านหนังสือสอบ ทำการบ้าน ต้องรีบสะสางงานให้เสร็จภายในคืนนี้ ติดโทรศัพท์ ติดอินเตอร์เน็ต เที่ยวกลางคืน ตลอดจนความเครียด คุณรู้หรือไม่ว่าการนอนหลับที่ไม่ถูกวิธีส่งผลร้ายต่อผิวพรรณคุณเช่นกัน การนอนที่มีประสิทธิภาพอย่างที่ท่านเคยทราบกันคือต้อง 7-9 ชั่วโมงแต่ในระหว่างที่คุณวางลงบนเตียงนอนกันหนานุ่ม คุณเคยสังเกตหรือเปล่าคะว่าคุณชอบนอนท่าไหนเพราะท่าลักษณะที่คุณนอนส่งผลต่อการเกิดริ้วร้อยของคุณได้เช่นกัน แล้วจะทำอย่างไรให้การนอนนี้ทำให้ผิวพรรณของคุณมีสุขภาพดี มาติดตามกันดีกว่าค่ะ...

1. การเลือกท่านอน
ท่านอนที่เหมาะสมที่สุดคือการนอนหงาย เพราะการนอนหงายผิวหน้าของคุณไม่ได้กระทบโดยตรงกับหมอน การที่คุณนอนคว่ำ หรือตะแคงผิวหน้าจะกระทบกับหมอนเกิดแรงทับซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งผลวิจัยทางประเทศญี่ปุ่น จากการทดลองกับผู้หญิงและผู้ชายกว่า 38 ราย พบว่าริ้วรอยเกิดขึ้นในเวลากลางวันมากกว่าตอนเช้า เป็นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก และการนอนถือว่าเป็ฯการพักผ่อนผิวที่ดีที่สุด เพราะในเวลาที่คุณนอนผิวของคุณได้พักจากมลภาวะ แสงแดด และความเครียดต่างๆ และควรเลือกหมอนที่เหมาะสมเพื่อให้เหมาะกับลักษณะการนอนของ หมอนที่ดีมีคุณภาพถูกสร้างให้เหมาะทั้งกับทั้งหงายและนอนคว่ำ หมอนจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการนอนด้วยนะคะ

2. เวลาที่เหมาะสม
พยายามที่จะได้เข้านอนในเวลาเดียวกันทุกคืน คุณเคยสังเกตหรือเปล่าคะเวลาที่คุณหลับในเวลาไหน หรือตื่นเวลาไหนมักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอคะเวลาที่คุณหลับในเวลาไหน หรืตื่นเวลาไหนมักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอค่ะ ก็เพราะร่างกายของเรามีเพราะร่างกายมนุษย์มีนาฬิกาที่เรียกว่าจังหวะวงจรชีวภาพ ที่จะทำหน้าที่ควบคุมและดูแลการใช้ชีวิตประจำวันของคุณถ้าคุณทำอะไรที่เป็นประจำสม่ำเสมอร่างกายก็มี Memory อันนี้ไว้ จนเป็นเหมือนคำสั่งให้คุณนอนหรือตื่นอัตโนมัติ การเลือกเวลานอนเวลา 22.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการนอนหลับพักผ่อน เพราะนาฬิกาชีวภาพเราเขาตั้งไว้อย่างนั้น หากคุณนอนน้อยไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสารเลปติน (Leptin) น้อยลง ซึ่งเลปตินมีบทบาทในการควบคุมความอยากอาหาร หากมีเลปตินมากคุณก็จะไม่โหยหาอาหาร เพราะฉะนั้นยิ่งอดนอนเลปตินก็จะมีน้อย คุณก็จะอยากทานขนมหวานและอาหารมันๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้นจึงควรพยายามจัดเวลานอนให้เร็วและตื่นเช้า การนอนพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ปรับสมดุลของฮอร์โมน คุณจึงตื่นมาด้วยความสดชื่นและพร้อมจะออกกำลังกายในวันใหม่

3. รักษาความชุ่มชื้น
ความชุ่มชื้นที่นี้หมายถึงที่มาจากภายในคือการดื่มน้ำใน 1 วัน ให้ได้ในปริมาณ 6-8 แก้ว เพราะในเวลาที่คุณนอนร่างกายของคุณจะสูญเสียน้ำจากการนอนในห้องแอร์หรือลักษณะการนอนของคุณ บางครั้งคุณเคยตื่นขึ้นมาและพบว่าคอของคุณแห้งมากก็เพราะเป็นผลมาจากการที่ในแต่ละวันคุณดื่มน้ำน้อยเกินไป การเติมความชุ่มชื้นจากภายในจึงจำเป็นเช่นกันค่ะ

4. สถานที่นอน
ห้องนอนที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวน อากาศถ่ายเทสะดวย จะทำให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้พักจากความเครียดแสงแดดและสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย

5. อุณหภูมิ
อุณหภูมิร่างกายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณนอนดังนั้นการเลือกที่นอนที่เหมาะสม อากาศที่เบาสบาย โล่ง และอุณหภูมิที่ไม่ร้อนและหนาวจนเกินไป ซึ่งในขณะที่คุณหลับอุณหภูมิของร่างกายตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นเนื่องจากเลือดไหลไปผิวหนังเพิ่มขึ้น นี้จะช่วยให้คุณเปล่งประกายเลือดฝาดดีการนอนที่พอเพียงจึงทำให้คุณสดใสค่ะ
การนอนที่ถูกสุขลักษณะและถูกวิธีทำให้คุณมีผิวที่สดใสไร้ริ้วรอยได้ ลองกลับไปทำดูนะคะ ได้ผลอย่างไรก็ส่งจดหมายหรือเมล์มาบอกกันบ้างนะคะ

TIPS ON SLEEP AND BEAUTY

Cleaning การใช้ Cleansing ให้นวดทาทิ้งไว้ 30 วินาที - 1 นาที เพื่อให้ต้วครีมละลายสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง คราบไขมันอุดตันต่อด้วยการล้างหน้า ควรล้างหน้าให้เบาบางที่สุด ไม่ขัดถูแรงๆ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายๆ อย่าใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งเพราะจะมีแรงกดมาก เป็นสาเหตุของริ้วรอย ใช้เพียงนิ้วกลางและนิ้วนางโดยเริ่มหมุนนิ้วออกเป็นวงกลม เริ่มจากบริเวณคาง คลึงนวดเบาๆ ไล่ขึ้นไปตามแก้ม ไล่จากบริเวณจุดกลางไปตามลายเส้นกล้ามเนื้อออกไปทางด้านข้างไล่ขึ้นไปที่หน้าผาก เป็นการต้านแรงโน้มอาจจะเน้นบริเวณร่องจมูก เพื่อป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนส่วยวิธีการล้างออกนั้น ให้วักน้ำขึ้นมาแปะผิวหน้า ลูบเบาๆ ห้ามถู เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยเช่นกัน

Night Cream เน้นซ่อมแซมเติมความสดชื่นและซ่อมแซมผิวของคุณในยามที่คุณหลับ หลังจากที่ผิวของคุณได้รับทั้งมลภาวะ แสงแดดและสภาพแวดล้อมที่ทำร้ายผิวคุณตลอดวัน ผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในขณะที่คุณนอนหลับผิวของคุณกลับทำงานอย่างแข็งขันเพื่อฟื้นฟูสภาพของตนเอง ครีมบำรุงผิวสำหรับเวลากลางคืนที่ดีจะช่วยสนับสนุนการทำงานของผิวคุณเพื่อการฟื้นฟูสภาพของตนเองในเวลากลางคืน

Eyes Cream บริเวณรอบดวงตาของคุณเป็นส่วนที่อ่อนโยนมาก จึงควรใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเพื่อช่วยในการเติมความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยรอบดวงตา เทคนิคง่ายเพียงแค่ใช้นิ้วนางเพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่มีแรงน้อยที่สุดจากนั้นบรรจงลงครีมบริเวณรอบดวงตา กดจุดเบาๆ เล็กน้อย ตรงรอบกระบอกตาล่าง ไล่จากหัวตาไปทางหางตา ถ้าพอจะมีเวลา แนะนำให้ใช้ eye serum ก่อน แล้วค่อยตามด้วย eye cream ค่ะ ผิวรอบดวงตาจะได้รับการบำรุงอย่างเต็มที

ที่มา : http://www.panclinic.com


วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลดความมันบนใบหน้า ลดปัญหารูขุมขนกว้าง

"รูขุมขนกว้าง" ถือเป็นลักษณะทางผิวหนังที่พบเจอได้บ่อยค่ะ จะถือว่าเป็นปัญหาหรือไม่ใช่ก็ได้ เนื่องจากไม่ใช่โรคทางผิวหนังหรือก่อให้เกิดอันตรายกับคุณแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของความสวยความงาม เมื่อไรก็ตามที่คุณมีอายุเกิน 20 ปีขึ้นไป รูขุมขนก็มีโอกาสที่จะโตมากขึ้นตามธรรมชาติ และยิ่งถ้าคุณเป็นคนผิวหน้ามันมากๆ ด้วยแล้ว โอกาสพบปัญหา “รูขุมขนกว้าง” มากขึ้น จะเกิดขึ้นเร็วและโตกว่าคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง

ดังนั้น คุณควรพยายามลดความมันบนใบหน้า เพื่อลดปัญหาเกิดรูขุมขนกว้าง ป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน โดยคุณสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

1. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวมัน ได้แก่ สบู่ล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า ที่มีส่วนผสมของสารยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เช่น Triclosan เพื่อให้หน้าหายมัน และไม่เกิดสิว

2. ทาโลชั่นลดความมัน หรือเจลควบคุมความมัน การทายาบางชนิด เช่น ยาแก้สิว ซึ่งมีส่วนประกอบของ Resorcinol จะช่วยลดความมันบนผิวหน้าและป้องกันการเกิดสิวได้

3. ควรอยู่ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงอยู่บริเวณที่มีอากาศร้อนเกินไป เพื่อไม่ให้เหงื่อออกมาก ผิวจะได้ไม่มัน

ที่มา : http://www.panclinic.com


วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ส้มเขียวหวานอาจลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งตับ

"ดื่มน้ำส้มเขียวหวานทุกวัน"

คณะนักวิจัยที่สถาบันวิทยาศาสตร์ผลไม้เขตร้อนแห่งชาติของญี่ปุ่น ศึกษาชาวเมืองมิคคาบิ จังหวัดชิซูโอกะ 1,073 คน ที่ทานส้มเขียวหวานจำนวนมาก พบว่า ตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครมีสารเคมีที่ช่วยลดการเป็นโรคตับ ภาวะหลอดเลือดแข็ง และภาวะดื้ออินซูลิน

ด้านคณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแพทย์เกียวโต ศึกษากับผู้ป่วยตับอักเสบเพราะเชื้อไวรัส 75 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 30 คน ให้ดื่มน้ำส้มเขียวหวานทุกวัน วันละ 1 แก้ว เป็นเวลา 1 ปี กลุ่มสอง 45 คน

"ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับ"

ไม่ได้ดื่ม ปรากฏว่า กลุ่มแรกไม่มีใครเป็นมะเร็งตับเลย ขณะที่กลุ่มสอง มีอัตราเป็นมะเร็งตับร้อยละ 8.9 คณะนักวิจัยเตรียมขยายเวลาศึกษาวิจัยเป็น 5 ปี เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำขึ้น

ด้านมูลนิธิวิจัยมะเร็งอังกฤษ ให้ความเห็นว่า กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นหลังมีจำนวนน้อยเกินกว่าที่จะให้ผลชัดเจนว่า การทานส้มเขียวหวานช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้ และในขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่า ผลไม้ชนิดใดให้ผลเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ละปีอังกฤษพบผู้ป่วยมะเร็งตับรายใหม่เกือบ 2,800 ราย อย่างไรก็ดี มูลนิธิหัวใจอังกฤษ เห็นว่า งานวิจัยของญี่ปุ่นสนับสนุนคำแนะนำของมูลนิธิ เรื่องทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 จาน จะลดความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจได้

ที่มา : http://www.panclinic.com


วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทานผักสลัดน้ำเป็นประจำลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้

คณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอัลสเตอร์ศึกษาพบว่า ผักสลัดน้ำช่วยลดความเสียหายทางดีเอ็นเอที่จะเกิดขึ้นกับเซลล์เม็ดเลือดขาว อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เซลล์พัฒนาไปเป็นมะเร็ง

พวกเขาศึกษากับอาสาสมัครสุขภาพดี 60 คน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งสูบบุหรี่ ให้อาสาสมัครรับประทานผักสลัดน้ำวันละ 85 กรัม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ หลังจากนั้นพบว่าความเสียหายทางดีเอ็นเอที่เกิดขึ้นกับเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลงร้อยละ 22.9 นอกจากนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวยังปกป้องตัวเองจากอันตรายของสารอนุมูลอิสระได้มากขึ้นด้วย

ผลวิจัยพบว่า การรับประทานผักสลัดน้ำช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ลูตีนและเบต้าแคโรทีนในกระแสเลือด

ขณะเดียวกันช่วยลดระดับไตรกีเซอไรด์ที่เป็นอันตรายลงได้ราวร้อยละ 10 ผลดีนี้เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่มีระดับสารต้านอนุมูลอิสระน้อยมากในช่วงเริ่มการศึกษา

ก่อนหน้านี้มีการศึกษาแนะว่า การรับประทานผักในตระกูลกะหล่ำมาก ๆ เช่น ผักสลัดน้ำ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้หลายชนิด

แต่การศึกษาครั้งนี้เห็นผลจากการรับประทานในปริมาณไม่มากนักและไม่ใช่ผลที่ได้จากสารสกัดจากผักในห้องทดลอง

ที่มา http://www.panclinic.com


Panclinic Club's Fan Box

Panclinic Club on Facebook